โรคอัมพาตใบหน้า (Bell’ Palsy) |
โรคนี้เกิดขึ้นมานานกว่า ๒๐๐ ปีแล้วแต่ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นเคย ทำให้สงสัยกันว่าเป็นได้อย่างไร อะไรคือสาเหตุ เป็นแล้วหายไหม หรือเป็นอาการเริ่มแรกของคนเป็นอัมพาตครึ่งซีก
สาเหตุจริงๆแล้วเรายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของการเกิดโรคแต่สันนิษฐานว่าเกิดจาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะเชื้อเริม ของเส้นประสาทสมองคู่ที่ ๗ ที่เรียกว่า เส้นประสาทใบหน้า (facial nerve) ที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าทำให้ไม่ทำงานชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกด้านนั้นเป็นอัมพาต และมักจะมีอาการแบบปัจจุบันทันด่วน เช่น ตื่นนอนตอนเช้าก็พบว่าปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท ทำให้เกิดความวิตกกังวลแก่ผู้ป่วยว่าจะเป็นโรคเดียวกับอัมพาตครึ่งซีกหรือไม่ อันที่จริงแล้วทั้งสองโรคนี้เป็นคนละโรคกัน คือโรคอัมพาตครึ่งซีกนั้นเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง เช่น มีเส้นเลือดในสมองแตก มีลิ่มเลือดมาอุดตันเส้นเลือดในสมอง ทำให้แขน-ขาครึ่งซีกอ่อนแรงบางรายอาจมีปากเบี้ยวร่วมด้วย แต่ยังสามารถหลับตาหรือยักคิ้วได้ ส่วนโรคอัมพาตใบหน้าจะเกิดความผิดปกติที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ ๗ ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าเท่านั้น แขนขาทั้งสองข้างแข็งแรงเป็นปกติ
อาการมักเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน( เช่น ตื่นนอนตอนเช้า) จะพบว่ามีมุมปากข้างหนึ่งตก หลับตาข้างเดียวกันนั้นได้ไม่สนิท ปากเบี้ยวไปข้างหนึ่งขณะยิ้มหรือยิงฟัน เวลากลืนน้ำจะมีน้ำไหลมาที่มุมปากข้างนั้น ไม่สามารถยักคิ้วขึ้นได้ จะสามารถสังเกตเห็นอาการได้ชัดเวลาผู้ป่วยพูด ยิ้มหรือกระพริบตา บางคนไปพบแพทย์เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ชัด ผิวปากไม่ได้ บางคนรู้สึกว่าหน้าบวมหรือชาครึ่งซีก นอกจากนี้อาจมีอาการลิ้นครึ่งซีกชาและรับรสไม่ได้ หูข้างเดียวกันนั้นอาจมีอาการปวดและรู้สึกหูอื้อได้ ตาแห้งหรือมีน้ำตาไหลข้างเดียวเนื่องจากระคายเคืองฝุ่นละอองเนื่องจากตาผิดได้ไม่สนิท ทั้งนี้แรงของกล้ามเนื้อแขนและขาของผู้ป่วยยังปกติอยู่ ไม่มีอาการอ่อนแรง
การรักษาจะแบ่งออกได้เป็น ๓ ทางคือ
อาการแทรกซ้อนผู้ป่วยอาจมีอาการตาอักเสบเนื่องมาจากการปิดตาไม่สนิท ทำให้มีฝุ่นละอองเข้ามาทำให้เกิดความระคายเคือง มีอาการตาแห้งต้องอาศัยการหยอดน้ำตาเทียมช่วยมิเช่นนั้นอาจทำให้แก้วตามีปัญหาได้
การดูแลตัวเองหลังเกิดอาการ
|